แขวนคอตายคู่ เซ่นรักต่างวัย! ชาย 48 หญิง 25 ระแวงหึงหวง
หนุ่มใหญ่วัย 48 ผูกคอตายพร้อมเมียสาวคราวลูก สอบญาติเผยทั้งคู่มักทะเลาะกันเรื่องหึงหวงเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกันอีก หลังดีกันชวนกันออกจากบ้านแล้วหายเงียบไปเลย พยายามโทรศัพท์ติดต่อก็ไม่มีใครรับสาย กระทั่งชาวบ้านออกหาเห็ดในป่าข้างทาง เจอศพแขวนคอตายเคียงคู่กันข้างรถ จยย.
เหตุการณ์หนุ่มใหญ่ผูกคอตายพร้อมเมียสาว เปิดเผยเวลา 07.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. ร.ต.ท.โชคชัย โชคชยานันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งมีคนผูกคอ 2 ศพบริเวณป่าริมถนนทางหลวงชนบท ฉ.ช.3026 หมู่ 4 ต.วังเย็น ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา นิสัยสม ผกก.สภ.แปลงยาว และกู้ภัยพนมสารคาม จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 300 เมตร พบผู้เสียชีวิตเป็นชายหญิงใช้เชือกผูกคอโยงกับกิ่งไม้เคียงคู่กันข้างรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 125 สีเขียวขี้ม้า ทะเบียน 1 กส 7735 ฉะเชิงเทรา
ทราบชื่อฝ่ายชายนายอาคม ฮวดวิเศษ อายุ 48 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน หมู่ 2 ต.แหลมประดู่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ตรวจสอบกระเป๋าสะพายของนายอาคมพบโทรศัพท์มือถือ ยาแก้ปวด ยาสูบ และเงินสดจำนวนหนึ่ง ส่วนศพหญิงทราบชื่อ น.ส.โยธิกา ดั่งตาดทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้าน ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ในกระเป๋าพบยาบ้า 8 เม็ด บุหรี่ และสมุดบัญชีธนาคาร
สอบสวนชาวบ้านที่พบศพให้การว่า ช่วงเช้ามืดเดินเข้าไปหาเห็ดบริเวณดังกล่าว มองในระยะไกลเห็นทั้งคู่ยืนอยู่ข้างรถ จยย. แต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าน่าจะเข้ามาหาเห็ดเหมือนกัน หลังเดินหาเห็ดสักพักกลับไปเอาของที่บ้านแล้วย้อนมาหาเห็ดอีกรอบยังเห็นทั้งสองอยู่ที่เดิม เอะใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆพบว่าผูกคอตาย สภาพศพตัวเริ่มเขียว รีบกลับไปแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ต่อมานางอัมพร ฮวดวิเศษ อายุ 66 ปี แม่นายอาคม เดินทางมาดูศพ ร่ำไห้ให้การว่า นายอาคม ลูกชายมักทะเลาะกับ น.ส.โยธิกา เมียใหม่เรื่องหึงหวงเป็นประจำ ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีปากเสียงกันอีก แต่ไม่มีอะไรรุนแรง ตกบ่ายทั้งคู่ดีกันและชวนกันออกจากบ้านไปด้วยกัน จากนั้นหายเงียบไป พยายามโทรศัพท์ติดต่อก็ไม่มีใครรับสาย กระทั่งเจอศพผูกคอตายคู่ในป่าด้าน พ.ต.อ.ปรีชา นิสัยสม ผกก.สภ.แปลงยาว เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นแฟนกัน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะพากันมาผูกคอตายบริเวณดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ส่งศพไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
ที่มา : ไทยรัฐ