ยัดศพใส่โซฟา ฆ่าเผา “น้องมายด์” ทิ้งบนเขาที่โอมาน จับผัวบังกลาเทศ-ขออัฐิกลับบ้าน

นางปวีณากล่าวว่า น้องมายด์ไปอยู่โอมาน ตั้งแต่ปี 63 กลับมาเมืองไทยระยะสั้นๆเมื่อปี 67 ก่อนจะไปอยู่กับแฟนชื่อ “คาเร็ก” ชาวบังกลาเทศ ทำงานอยู่โอมาน เพื่อนได้ข่าวมาตลอดว่าน้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกาย จน 3 เดือนสุดท้ายไม่พบน้องมายด์ ต่อมานายคาเร็กถูกตำรวจจับในคดียาเสพติด และให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าน้องมายด์อยู่ไหน ต่อมาเย็นวันที่ 23 ก.พ. มีเพื่อนรุ่นพี่ของน้องมายด์ กลับจากโอมานเข้าให้ข้อมูลกับตน และให้ตนต่อสายพูดคุยกับเพื่อนน้องมายด์ที่โอมานจนทราบข้อมูลว่า น้องมายด์เสียชีวิตแล้ว ถูกนำร่างใส่โซฟาขนออกจากอาคารที่พักไปเผาทำลายเพื่ออำพรางที่ภูเขาซาบายา เมืองซาลาลาห์ ประเทศโอมาน ตำรวจเมืองซาลาลาห์ ได้สอบปากคำแฟนของน้องให้การรับสารภาพว่าฆาตกรรมน้องมายด์จริง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าศพอยู่ที่ไหน ถูกเผาอำพรางไปแล้วจริงหรือไม่

เพื่อนน้องมายด์เผยว่า น้องมายด์คบกับแฟนชาวบังกลาเทศคนนี้มากว่า 5 ปี ทุกคนรู้ว่าตลอดเวลาที่คบกัน น้องถูกบังคับเสพยาและทำร้ายร่างกาย น้องเคยส่งคลิปวิดีโอให้ดู 2 คลิป คลิปแรกน้องถูกทุบตีตามร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้า และลำตัว อีกคลิปน้องถูกแฟนหนุ่มใช้มีดกรีดต้นขาจนต้องเข้าโรงพยาบาลให้เลือด เมื่อปีที่แล้วน้องมายด์กลับไทยช่วง ก.พ.67 ก่อนกลับไปโอมานอีกครั้ง ระหว่างกลับไปรอบ 2 ได้ให้ตนซื้อของจากเมืองไทยไปให้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.67 ตนนำของไปให้น้องมายด์ที่ห้องพักสังเกตเห็นว่าน้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกายซูมผอม หน้าตาบวมปูด ตาปิด กรามยุบ มือและนิ้วบิดผิดรูป มีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายทั้งแผลใหม่ แผลเก่า กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทราบว่าสามีน้องถูกตำรวจจับในคดียาเสพติด ตำรวจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับน้องมายด์ ฝ่ายชายปฏิเสธจะให้ข้อมูล และในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ญาติติดต่อน้องมายด์ไม่ได้ รู้สึกเป็นห่วง เกรงได้รับอันตราย ต้องมาขอให้ตำรวจช่วย เพื่อนน้องมายด์อีกคนเล่าว่า น้องมายด์ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทยที่ประเทศโอมาน กระทั่งได้คบหากับแฟนหนุ่มชาวบังกลาเทศที่ทำงานในโอมานด้วยกัน กรณีของน้องมายด์ไม่ใช่เคสแรกที่ถูกทำร้าย ก่อนหน้านี้สามีของน้องเคยคบหากับหญิงไทยคนหนึ่ง และพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเช่นกัน ก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทยตนได้ติดต่อกับเพื่อนชาวบังกลาเทศที่อยู่โอมาน และรู้จักกับสามีน้องมายด์บอกว่า น้องมายด์เสียชีวิตแล้ว ถูกนำร่างยัดใส่โซฟาขนออกจากอาคารที่พักไปเผาเพื่ออำพรางที่ภูเขาซาบายา เมืองซาลาลาห์ ประเทศโอมาน และตำรวจเมืองซาลาลาห์ได้สอบปากคำสามีของน้องมายด์ ก็ให้การรับสารภาพ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขอให้ตำรวจสากลไทยประสานกับตำรวจสากลโอมาน เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากพบร่างที่ถูกเผาขอให้พิสูจน์ตัวบุคคลว่าเป็นใคร และใครเป็นผู้กระทำเพื่อจะได้มีความชัดเจน

พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.ฝ่ายตำรวจสากล และประสานงานภูมิภาค 3 กองการต่างประเทศ กล่าวว่า ตำรวจสากลมีสมาชิก 190 ประเทศ เมื่อมีผู้ร้องขอให้เราตรวจสอบจะได้ช่วยดำเนินการประสานกับทางโอมาน ข้อมูลจะได้มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องคดีว่าอยู่ในชั้นความลับ หรือจะเปิดเผยความคืบหน้าได้เมื่อไหร่ ในด้านระยะเวลายังบอกไม่ได้แน่ชัด แต่ตำรวจสากลจะทำอย่างเต็มที่

นายสิงห์คำ พ่อน้องมายด์ เล่าว่า ลูกสาวเป็นคนอาภัพเจอแต่ผู้ชายไม่จริงใจ ไม่ประสบความสำเร็จในด้านครอบครัว น้องออกจากบ้านไปทำงานที่โอมานตั้งแต่ปี 63 ไปๆมาๆต่างประเทศ 6 ปีแล้ว ที่ไม่ได้เจอกับลูกสาว คุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ค.67 ทุกครั้งที่โทร.คุยกันลูกบอกว่าให้พ่อดูแลแม่และลูกให้ดีนะ เพราะแม่ตาบอด ส่วนลูกที่เกิดจากสามีเก่าเป็นเด็กออทิสติก เมื่อพ่อแม่ได้ยินข่าวลูกสาวตายแล้วรู้สึกเสียใจมาก เพราะลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเงินมาให้เลี้ยงแม่พิการ และเลี้ยงลูกเด็กพิเศษวัย 10 ขวบ เมื่อเสาหลักเสียไปแล้วไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไร อยากให้ทีมงานทุกคนช่วยตรวจสอบทำความจริงให้ปรากฏ หากลูกเสียชีวิตแล้ว ขอให้ได้ร่างหรือกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านเกิด

ที่มา : ไทยรัฐ

อาร์วันนิวผลมวย วันนี้ข่าวมวยไทยอาวันนิวฟอร์มหลังมวย