จ่อจับ “พ.ต.ท.” จัดฉากฆ่าโหด คดีอุบัติเหตุรถ หวังฮุบ “14 ล้าน” เงินประกันภัย!
ตำรวจคุมตัว 1 ในผู้ต้องหาฆ่าเหยื่อหวังเงินประกัน 14 ล้านบาท ชี้จุดสังหาร หลังหัวโจกเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ท.รวมหัวกับพวกอีก 4 คน วางแผนซื้อประกันภัยรถกระบะ 3 คันรวม 21 กรมธรรม์ ลวงหนุ่มขี้ยามาฆ่าทำทีเป็นอุบัติเหตุ บริษัทประกันพบพิรุธแจ้ง คปภ.ตรวจสอบจนเรื่องแดง ต่อมาผู้ต้องหาอีก 1 คนเข้ามอบตัวรวมจับกุมแล้ว 4 คน เร่งรวบรวมหลักฐานจับ พ.ต.ท. ขณะที่รองเลขาฯ คปภ.แจงพบพิรุธการซื้อประกันภัยในระยะสั้นหลายฉบับ มีระบบตรวจจับการฉ้อฉลประกันภัยส่งหลักฐานถึงมือตำรวจแล้ว จากกรณีที่ตัวแทนบริษัทประกันภัยจากบริษัทต่างๆ และบริษัทประกันภัยกลาง เข้าร้องเรียนกับตำรวจ บก.ภ.จ.สกลนคร เนื่องจากพบความผิดปกติในการทำประกันภัยในคดีอุบัติเหตุรถชนมีรถคู่กรณี 3 คัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2568 เป็นเหตุให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 15 ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เสียชีวิต ตรวจสอบรถทั้ง 3 คัน ทำประกันภัยไว้หลายกรมธรรม์และหลายบริษัทภาคบังคับ 21 กรมธรรม์ วงเงินประกันภัยประมาณ 14 ล้านบาท พบพิรุธหลายประการที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางเพื่อหวังเงินประกัน ล่าสุดตำรวจขออนุมัติหมายจับ 4 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จับกุมแล้ว 3 คนชื่อ นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี และนายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และยังหลบหนีอีก 1 คน ชื่อนายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 มี.ค. พ.ต.ท.นพดล บัวลี สว. (สอบสวน) สภ.วานรนิวาส พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวนคุมตัวนายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล 1 ในผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบสำนวนคดีหลังให้การรับสารภาพว่า ร่วมขบวนการฆาตกรรมอำพรางนายวิเชียรโดยจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุ นายป้อมพาชี้สถานที่ 3 จุด จุดแรกที่ถนนหมายเลข 2280 เส้นทางบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เป็นจุดรวมตัวนัดแนะกันมีรถกระบะ 4 คัน คันแรกเป็นรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ แบบ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กพ 2576 สกลนคร มีนายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า เป็นคนขับ ที่เบาะหลังมีนายพรชนก อ่อนสุระทุม คุมตัวนายวิเชียรที่ถูกทำร้ายจนสลบ รถคันที่ 2 เป็นรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว มีคอกเหล็กท้ายกระบะ ทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ มีนายสกล สอนแก้ว เป็นคนขับ รถคันที่ 3 รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี มีนายป้อมเป็นคนขับ และรถกระบะคันที่ 4 เป็นรถนายตำรวจยศ พ.ต.ท.คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
นายป้อมให้การว่า หลังพูดคุยนัดแนะกันเสร็จแล้ว นายสมศักดิ์ขับรถวิ่งไปตามถนน จากนั้นประมาณ 10 นาที ตำรวจยศ พ.ต.ท.โทรศัพท์แจ้งให้ตนขับรถไปยังจุดนัดหมายห่างจากจุดแรกประมาณ 500 เมตร เป็นจุดที่ 2 บริเวณถนนหมายเลข 2208 เส้นบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 เห็นนายวิเชียรนอนอยู่กลางถนนเร่งเครื่องวิ่งทับร่างกระเด็นเป็นจุดจัดฉากฆ่า จากนั้นไปจอดจุดที่ 3 บริเวณทางแยกเข้าบ้านนาสมบูรณ์ หมู่ 17 ต.วานรนิวาส เพื่อรวมตัวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดยืนยันว่านายวิเชียรเสียชีวิตแล้วจึงแยกย้ายกัน ตนขับรถกลับมาจอดไว้ที่โรงผลิตน้ำอยู่ใน อ.วานรนิวาส แล้วกลับบ้าน สาเหตุเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้สิน หลังจากชี้จุดสุดท้ายแล้วตำรวจนำตัวนายป้อมกลับมาที่ สภ.วานรนิวาส
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลสว่างแดนดิน ที่อยู่ระหว่างหลบหนีเข้ามอบตัวที่ สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจ สภ.วานรนิวาส ตรวจยึดรถกระบะทั้ง 3 คันมาจอดที่ลานจอดรถของโรงพักแล้ว เพื่อรอเจ้าหน้าที่ พฐ.มาตรวจสอบ แนวทางการสืบสวนทราบว่า นายสมศักดิ์ โวเบ้า มีตำแหน่งเป็น สท.ตำบลคูสะคาม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร มีอาชีพเสริมเป็นตัวแทนขายประกันรถและประกันชีวิต มีความสนิทสนมกับนายสกล สอนแก้ว เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำขวด และเป็นเจ้าของรถกระบะ 3 คันที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนเป็นลูกน้อง มักจะมานั่งสังสรรค์กับนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งพนักงานสอบสวน ภายหลังร่วมกันวางแผนฆ่า 1 เดือนเพื่อหวังเงินประกันภัย มีนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นำทะเบียนรถกระบะทั้ง 3 คันไปซื้อประกันภัยหลายประเภทจากบริษัทเอกชนในพื้นที่หลายแห่ง แล้วพานายวิเชียรผู้เสียชีวิตที่มีประวัติเสพยาเคยมีอาการคลั่งมาเป็นเหยื่ออุบัติเหตุ เพื่อหวังเงินประกันภัยร่วม 14 ล้านบาท ภายหลังบริษัทประกันภัยพบข้อพิรุธหลายอย่างที่ส่อไปในทางฉ้อฉลโกงเงินประกัน ส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตรวจสอบ แล้วทำเรื่องร้องเรียนถึงตำรวจ ภ.จ.สกลนคร ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับตำรวจยศ พ.ต.ท.รายนี้ ด้านนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทประกันภัยหลายแห่งส่งเรื่องมายัง คปภ.แจ้งมีความผิดปกติจากอุบัติเหตุรถชนคนตายใน จ.สกลนคร จากข้อมูลพบว่า ในที่เกิดเหตุมีรถกระบะเป็นคู่กรณีรวม 3 คันทำประกันภัยในระยะสั้นหลายฉบับ คำให้การจากอุบัติเหตุคันแรกเป็นรถกระบะที่ผู้ตายนั่งอยู่กระบะท้ายทำประกันคุ้มครองผู้ประกันภัยจากรถ ภาคบังคับจำนวน 8 ฉบับ และประกันภาคสมัครใจ 3 ฉบับ รถกระบะคันที่ 2 เป็นรถลากทำประกันคุ้มครองฯ ภาคบังคับ 4 ฉบับ และประกันภัยภาคสมัครใจ 1 ฉบับ และรถกระบะคันที่ 3 เป็นคันที่ถูกลากทำประกันคุ้มครองฯภาคบังคับ 4 ฉบับ และภาคสมัครใจอีก 1 ฉบับ รวมรถทั้ง 3 คัน ทำประกัน 21 ฉบับ รวมวงเงินประกันภัยประมาณ 14 ล้านบาท
นายอดิศรเปิดเผยอีกว่า จากข้อมูลของพนักงานบริษัทประกันที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุและสอบถามอาสากู้ภัยพบมีข้อพิรุธหลายอย่างที่ส่อเป็นเหตุฆาตกรรมเพื่อหวังเงินประกันภัย นอกจากนี้ยังพบหลักฐานกล้องวงจรปิดจากบริษัทที่มีบุคคล 1 คนเข้าไปซื้อประกันซ้ำซ้อนถึงหลายฉบับ และหลายบริษัท ส่วนจะเป็นใครนั้นให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ส่งเรื่องให้ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มคนฉ้อฉลประกันภัยจริง ขณะนี้ คปภ.จะร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้กระทำผิด ทุกคน และจะชะลอการจ่ายสินไหมทดแทนเพื่อให้คดีกระจ่างชัดและเกิดความโปร่งใส เมื่อถามว่ารถคันหนึ่งซื้อประกันหลายฉบับได้หรือไม่ ยืนยันว่าได้ อย่างเช่นรถบัสโดยสารให้บริการผู้โดยสารหลายคน ประภัย 1 ฉบับไม่พอคุ้มครอง เจ้าของรถสามารถซื้อได้อีกเพื่อให้สิทธิคุ้มครองครอบคลุมกับความเสียหาย คปภ.มีระบบตรวจจับการฉ้อฉลประกันอยู่แล้ว เมื่อตรวจพบเจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูล หากผิดปกติจะส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการต่อมาเวลา 14.50 น. พ.ต.ท.นพดล บัวลี สว. (สอบสวน) สภ.วานรนิวาส นำตัวนายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี และนายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสว่างแดนดิน พร้อมคัดค้านการประกันตัวส่งเข้าเรือนจำจังหวัดสกลนคร ขณะเดียวกันตำรวจชุดสืบสวนคุมตัวนายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคนสุดท้ายที่เข้ามอบตัวที่ สภ.สว่างแดนดิน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วานรนิวาส มีรายงานว่านายพรชนก หรือเก่ง ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสอบสวนอย่างมาก และมีข้อมูลสอดคล้องกันกับคำให้การของนายป้อม ถือเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่อยู่ใกล้ชิดกับจุดเกิดเหตุรวมทั้งคนลงมือก่อเหตุด้วย
ที่มา : ไทยรัฐ