จับโรงงานผลิตน้ำท่อมรายใหญ่แปดริ้ว ทำน้ำตาลสดบังหน้า ผสมสารกันบูด
ต่างด้าวหนีเตลิด
ชุดสืบจังหวัดฉะเชิงเทรา บุกทลายโกดังโรงงานผลิตน้ำกระท่อมรายใหญ่ ใส่สารกันบูด พบทำน้ำตาลสด-น้ำลำไยส่งขายบังหน้า แรงงานต่างด้าวเขมร พม่า กำลังต้ม เจอเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม วิ่งหนีเตลิด เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 มกราคม 2568 พล.ต.ต.เกรียงไกร บุญซ้อน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.นิตย์ วิธินันทกิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา นำโดย พ.ต.ท.สุเดช นาคหมวก รอง ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ร.ต.อ.ธีราวัชระ ช่วยสุข ร.ต.อ.สุรพล เสนจันทร์ทึก ด.ต.นรินทร์ ศรีชุมสิน ด.ต.ธรณินทร์ ศรีชุมสิน และอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบโกดังเลขที่ 63/9 หมู่ 3 ต.ท่าพลับ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา หลังสืบทราบว่ามีการเปิดโกดังผลิตน้ำตาลสดบังหน้า แอบต้มน้ำกระท่อมส่งขายในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียง
จุดเกิดเหตุเป็นโกดังขนาดใหญ่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งด้านนอกมีถังแช่น้ำกระท่อม น้ำตาลสดจำนวนมาก ที่รอส่งไปขายตามจุดต่างๆ ภายในโกดังพบคนงานแรงงานต่างด้าวเป็นกัมพูชา 10 คน เมียนมา 5 คน บางส่วนวิ่งหลบหนีขณะเข้าจับกุม ซึ่งพบหม้อต้ม ชุดเตาแก๊สจำนวน 43 ชุด ถังแก๊สจำนวนมาก ใบกระท่อมสด น้ำท่อมที่ถูกต้มและเตรียมบรรจุในขวดพลาสติก ขวดพลาสติก ฝาสีต่างๆ ไซรัป และสารกันบูดที่ใส่ลงไปขณะต้ม ซึ่งจะใส่ทุกหม้อต้ม โดยพบนายขวัญชัย พวงรัตน์ อายุ 38 ปี รับเป็นเจ้าของ โดยเปิดโกดังผลิตน้ำตาลสด น้ำลำไยเพื่อส่งขายบังหน้า แต่แอบผลิตน้ำกระท่อมไปด้วยซึ่งทางแรงงานต่างด้าว พบว่ามีใบอนุญาตแรงงานถูกต้อง แต่มาทำงานผิดประเภทเบื้องต้นนายขวัญชัย โดนข้อหา “ห้ามผลิต หรือห้ามจำหน่าย หรือห้ามนำเข้า (น้ำต้มใบของพืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 5, 6, 50 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ.2564 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ.2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ.2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ลำดับที่ 52 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33” กรณีต้มน้ำกระท่อมเพื่อจำหน่าย ถือเป็นการผลิตที่ผิดกฎหมาย จะมีโทษตามมาตรา 50 จำคุก 6 เดือน-2 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท โดยทางตำรวจได้ทำการตรวจยึดอุปกรณ์การผลิต วัตถุดิบบางส่วนเอาไว้
ที่มา : ไทยรัฐ
